- สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
-
ภาษาไทย- th
-
THB - ฿
ประเทศไทย ถือว่าเป็นจุดศูนย์กลาง การท่องเที่ยว ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีหมู่เกาะยอดนิยม และสวยงามหลายแห่ง มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ วัฒนธรรมที่หลากหลาย วัดวาอาราม งดงามยิ่งใหญ่ และอาหารรสชาติอร่อย โด่งดังไปทั่วโลก จึงทำให้ทุก ๆ ปี ประเทศไทย มีนักท่องเที่ยว เดินทางเข้าประเทศกว่า 30 ล้านคน เลยทีเดียว และยังถือว่าเป็นประเทศ ที่มีสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง ระดับโลกมากมาย เช่น พระพุทธรูปที่ยิ่งใหญ่ ของประเทศไทย ที่มีรูปปั้นสูงที่สุด เป็นอันดับที่ 9 ของโลก รวมถึงวัดอรุณ ซึ่งเป็นวัดโบราณ ที่สร้างในสมัยอยุธยา เป็นวัดที่มีสีขาว ประดับด้วยลวดลาย กระเบื้องที่มีสีสันสวยงาม และถือว่าเป็นสถานที่สำคัญ ที่ไม่ควรพลาด แก่การเยี่ยมชม เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ประเทศไทย ยังมีบทบาทด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญ เป็นอันดับที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรองจากประเทศอินโดนีเซียนั่นเอง เนื่องจากทำเลของประเทศไทย มีความสะดวกสบาย อยู่ใจกลางเอเชีย เรียกได้ว่า เป็นโอกาสทางการค้าที่ดี กับประเทศจีน อินเดีย และประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่น ๆ เลยทีเดียว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดบ้าน ใน ไทย ผ่านแนวโน้มและค่าเฉลี่ยทางการตลาด
ประเทศไทย มีประชากรกว่า 68 ล้านคน กระจายอยู่ทั่วทั้ง 77 จังหวัด โดยมีกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง และถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ที่มีนักท่องเที่ยวมากมาย เดินทางเข้ามา เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พระราชวัง วัดวาอาราม ตลาด ร้านค้าทั่วไป สถานบันเทิงยามค่ำคืน ร้านอาหารริมทาง เป็นต้น และสถานที่สำคัญ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ และวัดไตรมิตรนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ ที่ยอดนิยมไม่แพ้กรุงเทพฯ เช่นกันนั่นคือ เชียงใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการ สัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศที่ผ่อนคลาย และเงียบสงบ เรียกได้ว่า เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่มีครบทุกสิ่งในแบบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การชมทะเลหมอก สวนดอกไม้ ขึ้นดอย หรือแม้แต่เยี่ยมชมวัดวาอารามต่าง ๆ ก็สามารถเที่ยวได้ครบทุกรส ทุกสไตล์ เลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ทางทะเลหรือชายหาด อีกมากมาย ที่มีนักท่องเที่ยว นิยมมาพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก ไม่แพ้กับส่วนอื่น ๆ ของประเทศไทยอย่างพัทยา และหัวหิน ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้ ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่ใกล้กับกรุงเทพฯ มากที่สุด แต่หากต้องการสัมผัส กับบรรยากาศเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่มีหาดทรายขาวละเอียด และน้ำทะเลใสแล้ว ภูเก็ตและเกาะสมุย ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ประเทศไทย ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการค้า การบริการทางการแพทย์ ธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม ล้วนแล้วเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้นักลงทุน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หลั่งไหลเข้าประเทศ กันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ประเทศไทย มีอสังหาริมทรัพย์มากมาย หลากหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคอนโด อพาร์ทเม้นท์ บ้าน และวิลล่า เป็นต้น ทั้งนี้ อสังหาริมทรัพย์บางประเภท ยังเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติ ได้เป็นเจ้าของอีกด้วย
เราจะเห็นว่า คอนโดและอพาร์ทเม้นท์ต่าง ๆ จะเป็นโครงการที่มาพร้อมกับ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย หรือห้องสมุดก็ตาม จัดว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ ยอดนิยม สำหรับหลาย ๆ คนเลยทีเดียว โดยทั่วไปแล้ว ทั้งคอนโดและอพาร์ทเมนท์ มีขนาดหรือประเภทห้องพัก ที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ห้องสตูดิโอ, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, และ 3 ห้องนอน เป็นต้น ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ทำเลส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ เช่น กรุงเทพฯ และพัทยา
สำหรับอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้าน ก็จะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และโฮมออฟฟิศ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้ เป็นอสังหาริมทรัพย์ยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ และบริเวณรอบ ๆ ที่มากกว่าคอนโด และอพาร์ทเม้นท์ โดยส่วนใหญ่แล้ว บ้านเดี่ยว จะเป็นบ้านลักษณะ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และมาพร้อมกับห้องครัว ห้องนั่งเล่น และมีบริเวณสวน ในบริเวณตัวบ้านอีกด้วย
ถัดมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ จะเป็นบ้าน ที่ปลูกแนวยาว มี 3-4 ชั้น โดยจะเป็นบ้านลักษณะที่ใช้ เนื้อที่ในการสร้างน้อยที่สุด ซึ่งที่ดินจะมีขนาดเล็กเพียง 16-28 ตารางวาเท่านั้น
ในส่วนของโฮมออฟฟิศ ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ต้องการ ทั้งอยู่อาศัย และทำงานในสถานที่เดียวกัน ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่นิยมมากสำหรับผู้ประกอบการ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ เป็นต้น
ประเทศไทย จัดว่าเป็นประเทศ ที่มีค่าครองชีพถูก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แถบตะวันตก ทั้งนี้ ค่าครองชีพต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และสถานที่ที่อยู่อาศัยอีกด้วย หากอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ค่าครองชีพบางส่วน อย่างค่าที่พักอาศัย ก็จะมีราคาสูง เนื่องจากเป็นทำเลทอง ด้านธุรกิจต่าง ๆ แต่สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และของใช้ต่าง ๆ แล้ว ก็ถือว่าราคาไม่แพงมาก จนเกินไป
อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทย มีสภาพอากาศร้อน อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และมี 3 ฤดูด้วยกัน ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูหนาว และฤดูฝน โดยฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน มีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 28 – 35 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 40 องศาเซลเซียสด้วยกัน
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และสิ้นสุดเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงนี้ จะมีฝนตกหนัก และระดับความชื้นสูงมากเช่นกัน สำหรับฤดูหนาว จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ และจะมีฝนตกเล็กน้อย
นอกจากนี้ ประชากรในประเทศไทย นับถือศาสนาที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งศาสนาพุทธ อิสลาม และคริสต์ โดยประชากรจะนับถือ ศาสนาพุทธมากที่สุดประมาณ 95% ด้วยกัน และรองลงมาคือ ศาสนาอิสลาม คิดเป็น 4% และอีก 1% ที่เหลือ จะเป็นประชากรที่นับถือศาสนาคริสต์
ไทย เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แบ่งเป็นจังหวัดได้ทั้งหมด 77 จังหวัด มีเนื้อที่ประมาณ 512,816 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่น้ำ 2,230 ตารางกิโลเมตร และไทยยังถือเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีรายได้หลักจากภาคอุตสาหกรรมและภาคการบริการ ณ จุดนี้ ทำให้ไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันมาก อาทิ เช่น กรุงเทพมหานคร, ภูเก็ต, พัทยา และเชียงใหม่ รวมถึงเกาะต่างๆ ก็สวยงาม นักท่องเที่ยวเลยหลงไหลทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นอันดับต้นๆ ทำให้มีนักท่องเที่ยวอยากเข้ามาซื้อบ้านและคอนโด เพื่อใช้อยู่อาศัยในช่วงเกษียณ หรือ เป็นบ้านพักตากอากาศยามมาพักร้อน ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ในแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้เลยมีมูลค่าสูงกว่าที่อื่นๆ ด้านการคมนาคมสำคัญนั้น ไทย มีท่าอากาศยานทั้งหมด 38 แห่ง (ท่าอากาศยานนานาชาติ 7 แห่ง) กระจายอยู่ทั่วทุกภาค และมีทางรถไฟยาวรวมกว่า 4,429 กิโลเมตร ซึ่งประชากรใน ไทย ถือว่ามีขนาดจำนวนประชากรที่น้อยอยู่ โดยมีทั้งสิ้น 66,558,935 คน แบ่งเป็นผู้ชาย จำนวน 32,605,100 คน และผู้หญิง จำนวน 33,953,835 คน และถ้าเทียบกับความหนาแน่นประชากรของโลกแล้ว จะเห็นว่า ไทย นั้นอยู่อันดับประมาณที่ 73 ของโลก จาก 229 ประเทศ (เครดิต Wikipedia.org) ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นที่ไม่มากนัก เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 130 คน ต่อ ตารางกิโลเมตร
ทางด้านราคาขายบ้าน โดยเฉลี่ยในพื้นที่ ไทย นั้นอยู่ในราคาประมาณ ฿9,920,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง โดยส่วนมากเป็นบ้าน ระดับ Luxury การก่อสร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีจำนวนยูนิตที่ไม่มาก เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวสูง การแข่งขันในตลาดค่อนข้างต่ำ เหมาะสมกับผู้ที่มีรายได้สูง หรือเจ้าของธุรกิจ โดยมักมองหาบ้านลักษณะนี้ เพื่อตอบโจทย์ด้านคุณภาพ สังคม ความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่อยู่ในระดับสูง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ราคาต่อตารางเมตรขนาด ฿1,500,000 บาทนี้ ผู้ซื้อจะได้รับอะไรจากบ้านนี้บ้าง เพราะราคาระดับนี้สะท้อนถึง ความสะดวกสบายขั้นสุด ไม่ว่าจะความสะดวกในการเดินทาง โอกาสในการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี สวยงามเป็นธรรมชาติ การดีไซน์ที่โดดเด่น วัสดุก่อสร้างระดับพรีเมียม สาธารณูปโภคที่พร้อมสรรพ พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง และวิวจากบ้าน ที่งดงามอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้มีประกาศขาย ทั้งหมดในFazWaz.co.th อยู่ที่ 44,278 ยูนิต ด้านความคุ้มค่าในการลงทุน สำหรับการปล่อยเช่าระยะยาว ในพื้นที่ ไทย แล้วนั้น เรียกว่าจะได้รับเปอร์เซนต์การตอบแทนที่สูง อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว เพราะจะได้รับผลตอบแทนระหว่าง 8% - 10% บ่งบอกได้ว่าเป็นโครงการที่ฐานลูกค้าในตลาดผู้เช่าที่มีกำลังจ่ายสูง ช่วยให้นักลงทุนไม่รู้สึกวิตก ว่าจะไม่สามารถปล่อยเช่าได้